กันซึมไฮบริดโพลียูเรีย
หน้าแรก
กันซึมไฮบริดโพลียูเรีย
กันซึมไฮบริดโพลียูเรีย
Hybrid Polyurea
กันซึมระบบโพลียูเรีย ชนิดที่สามารถฉาบด้วยมือ ไม่ต้องใช้เครื่อง ใช้ความหนาเพียง 1 มม. แต่ให้ความแข็งแรงสูงมาก
ไฮบริดโพลียูเรีย (Hybrid Polyurea) เป็นระบบกันซึมดาดฟ้าชนิด 2 องค์ประกอบ (Two components) ยึดเกาะทุกสภาพพื้นผิว เช่น คอนกรีต เหล็ก อลูมิเนียม พลาสติก ไฟเบอร์กลาส สามารถปาดด้วยเครื่องมือธรรมดาน้ำหนักเบา และทำงานในที่สูงได้ มีประสิทธิภาพสูงกว่ากันซึมดาดฟ้าโพลียูรีเทน มีค่าความต้านทานแรงดึง ความแข็ง การทนแรงกระแทก การทนต่อสารเคมีสูง สามารถแช่น้ำได้เป็นเวลา นานโดยไม่เกิดความเสียหาย และแห้งตัวเร็ว
วัสดุกันซึมดาดฟ้าไฮบริดโพลียูเรีย ผลิตภัณฑ์โดยผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐาน ISO 9001:2015 (คุณภาพ) และ ISO 14001:2015 (สิ่งแวดล้อม)
ลำดับชั้นวัสดุกันซึม
การทำกันซึมดาดฟ้าโดยไฮบริดโพลียูเรีย มี 3 ลำดับชั้น ให้ความหนารวม 1.5 มม.
- ชั้นแรก เป็นรองพื้น (Primer) หนาไม่น้อยกว่า 0.25 มม.
- ชั้นที่สอง เป็นกันซึมดาดฟ้าไฮบริดโพลียูเรีย ชนิด 2 องค์ประกอบ (Two components) หนาไม่น้อยกว่า 1.5 มม.
- ชั้นที่สาม เป็นเคลือบทับหน้า หนาไม่น้อยกว่า 0.25 มม.
ขั้นตอนการติดตั้งกันซึมดาดฟ้าระบบไฮบริดโพลียูเรีย
- ปรับสภาพผิวคอนกรีต โดยรื้อถอนกันซึมดาดฟ้าเดิมออกทั้งหมด เจียรขัดด้วยเครื่องขัดพื้น ให้เรียบปราศจากคราบน้ำมัน จารบีและความสกปรกอื่นๆและอุดรอยแตกของพื้นคอนกรีต รางน้ำ และพื้นผิวอื่นๆ ทั้งพื้นที่ และหากพื้นเดิมไม่เรียบ แตกร้าว หรือเป็นแอ่ง ต้องซ่อมแซมและปรับระดับให้มีความลาดเอียงลงรางระบายน้ำ ในกรณีบริเวณที่เป็นแอ่งขนาดเล็ก ใช้การปิดอุดด้วยโพลียูรีเทนความหนืดสูง (Putty)
- ลงรองพื้น (Primer) ปรับให้มีความหนาไม่น้อยกว่า 0.25 ม.ม. โดยใช้ลูกกลิ้งชุบน้ำยารองพื้นฉาบให้ทั่วพื้นผิว ทิ้งไว้อย่างน้อย 3-5 ชั่วโมงจึงทำงานในชั้นถัดไป เมื่อปรับระดับเรียบแล้ว ปล่อยให้แข็งตัวก่อนแล้ว โดยใช้เวลาประมาณ 7-10 ชั่วโมงจึงสามารถลงชั้นกันซึมดาดฟ้าได้
- การฉาบกันซึมดาดฟ้า (Hybrid Polyurea) ปั่น น้ำยาไฮบริดโพลียูเรีย ชนิดสารคู่ (Two Components) โดยไม่มีการผสมสารอื่นใด ให้กระจายเข้ากันดีก่อนนำออกมาใช้อย่างน้อย 3 นาที เทลงพื้นแล้วคราดด้วย Rack ปรับให้มีความหนาไม่น้อยกว่า 1.5 มม. ปล่อยให้แห้งในเวลา 3-4 ชั่วโมง
- ฉาบเคลือบผิวหน้า (Topping) โดยการปั่นอย่างน้อย 3 นาที ใช้ลูกกลิ้งฉาบผิว ปรับให้มีความหนาไม่น้อยกว่า 0.25 มม. ในการทำงาน แล้วทิ้งไว้ให้แห้งอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เป็นอันแล้วเสร็จ
ลักษณะเฉพาะ
คุณสมบัติทางกายภาพ ของไฮบริดโพลียูเรีย เป็นดังนี้
- ความยืดเมื่อขาด (Elongation at Break) 300 %
- ความแข็ง (Hardness) 80 Shore A
- ความต้านแรงดึง (Tensile Strength) 12 MPA
- ความต้านแรงฉีก (Tear Strength) 40 N/ mm
- ความทนต่อสภาวะแวดล้อม เป็นเวลา 168 ชม. การเปลี่ยนสี เกรย์สเกลระดับ 5 (ในข้อนี้มีผลวิเคราะห์โดยกรมวิทยาศาสตร์)
เปรียบเทียบคุณสมบัติทางกายภาพของกันซึมระดับสูง
คุณสมบัติ | Polyurea | Hybrid Polyurea | Polyurethane |
---|---|---|---|
ความต้านแรงดึง (Tensile Strength) | 30-35 Mpa | 17-18 Mpa | 14-15 Mpa |
การยืดตัวเมื่อขาด (Elongation at Break) | 350-300% | 300-400% | 600-700% |
แรงที่ทำให้ฉีกขาด (Tear Strength) | 130-140 N/mm | 40-50 N/mm | 30-35 N/mm |
ความแข็ง (Hardness) | 90 Shore A | 90 Shore A | 60-70 Shore A |
เครื่องมือที่ใช้ (Machine or Equipment) | เครื่องเฉพาะงาน ฉีดด้วยแรงดันสูงและความร้อน | ใช้เครืองมือทั่วไปด้วยการปาดหรือสเปร์ | |
เวลาในการแห้งใช้งานได้ | น้อยกว่า 1 ชั่วโมง | 2 ชั่วโมง | 12-15 ชั่วโมง |
การป้องกันรังสียูวี ต้องใช้ Top Coat | 5 Grey Scale | 5 Grey Scale | 5 Grey Scale |
ขนาดพื้นที่ที่ควรใช้ เทียบจากราคาและคุณสมบัติ | ควรมีพื้นที่ใหญ่มาก เป็นพื้นที่สำคัญมาก | ไม่จำกัด | |
ราคาวัสดุรวมค่าแรง | แพงมาก | แพง | ปานกลาง |
ความทนทาน ระยะเวลาใช้งาน | มากกว่า 8 ปี | 7-8 ปี | 6-7 ปี |